สนาม: สุขภาพ Sohu
บทนำ: หมอปิยะสกล สั่งปลัด สธถกด่วนคลัง หลัง รพชุมชนทั่วประเทศแต่งดำขึ้นป้ายค้านระเบียบใหม่ บัญชีกลาง เต้นแจงไม่กระทบจ้างงานทุกหน่วยของ สธ ขณะที่แพทย์ชนบทยังไม่ไว้ใจ บี้ รมตคลังไขก๊อกรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ชมรมแพทย์ชนบทและโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ ได้เคลื่อนไหวคัดค้านระเบียบฉบับใหม่ของกระทรวงการคลัง เรื่องการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พศ2561 เมื่อวันที่ 18 พคที่ผ่านมา ซึ่งสั่งห้ามโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ) รวมถึงโรงเรียนแพทย์และหน่วยบริการรัฐทั้งหมด ทำการจ้างและขึ้นเงินเดือนให้กับลูกจ้างจากเงินนอกงบประมาณ หรือหากต้องการจ้าง ต้องขออนุญาตจากกรมบัญชีกลางก่อน ทำให้มีบุคลากรของบางโรงพยาบาลแต่งชุดดำ ติดริบบิ้นดำ และขึ้นป้ายไว้อาลัยต่อระเบียบดังกล่าว อาทิ รพชาติตระการ จพิษณุโลก, รพแปลงยาว จฉะเชิงเทรา, รพชุมแพ จขอนแก่น, รพพนม จสุราษฎร์ธานี, รพโพธิ์ตาก จหนองคาย, รพจะนะ จสงขลา เป็นต้น ศคลินิกเกียรติคุณ นพปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว ผ่านระบบวิดีโอคอลกับผู้สื่อข่าวกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างเดินทางไปประชุมเวทีสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 71 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่าทราบเรื่องดังกล่าวไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้โทรศัพท์ประสานไปยัง รมชการคลังถึง 2 ครั้ง ว่าประกาศดังกล่าวจะกระทบกับ สธมาก จึงมอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีและปลัด สธ พร้อมทั้งผู้บริหารเข้าหารือกับกระทรวงการคลัง ดังนั้นขอให้ลูกจ้างพนักงานกระทรวงทั้งหมดอย่างเพิ่งตกใจ ขอให้ใจเย็นๆ จะหาทางช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ รอการหารือก่อน จะไม่ทำอะไรที่กระทบกับประชาชน และจะไม่ทำอะไรที่ส่งผลต่อขวัญกำลังของบุคลากร ซึ่งจะรีบเดินทางกลับไทยให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยกันแก้ไข คาดว่าน่าจะถึงไทยประมาณวันศุกร์ที่ 25 พคนี้ ที่กระทรวงการคลัง นพเจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการหารือกับกระทรวงการคลังว่า ระเบียบดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของ สธ เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงได้จ้างงานอย่างถูกต้องตามระบบ มีการเสนอข้อมูลต่อกระทรวงการคลัง และได้ปรึกษากรมบัญชีกลางโดยตลอด รวมทั้งได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยมีระเบียบว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พศ2561 อยู่ ดังนั้น สธจึงปฏิบัติเหมือนเดิมทุกอย่าง ณ เวลานี้ จึงขอให้บุคลากร สธ รวมทั้งหน่วยบริการต่างๆ สบายใจ และทำงานให้เต็มที่ เพราะไม่ได้กระทบกับกระทรวงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ภายหลังกระทรวงการคลังออกหนังสือแนบท้ายข้อเท็จจริงดังกล่าว ทาง สธจะส่งส่วนแนบท้ายนี้ไปยังหน่วยบริการในสังกัดทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจต่อเรื่องดังกล่าว นพธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แรงกระเพื่อมครั้งนี้เกิดจากการเผยแพร่ระเบียบดังกล่าวในโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการตีความคลาดเคลื่อน แต่จากการหารือกับกรมบัญชีกลาง ได้มีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีปัญหา ส่วนไหนที่เคยจ้างงานอยู่แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้เหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลอะไร ด้าน นสสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ระเบียบดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อการว่าจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของทุกหน่วยงาน ทั้งนี้ โดยระเบียบดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1หน่วยงานที่ได้ทำการตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่น สธ ซึ่งได้ทำเรื่องขอกำหนดอัตราการจ้างพนักงานและลูกจ้างแบบ 1 ปี จำนวน 7,900 คน และแบบ 4 ปี จำนวน 31,000 คน จึงไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนที่ 2 หน่วยงานที่ยังไม่ได้ทำการตกลงกับกระทรวงการคลัง แต่มีการว่าจ้างพนักงานและลูกจ้างไปแล้ว ก็ให้ว่าจ้างพนักงานและลูกจ้างดังกล่าวต่อไปจนสิ้นสุดสัญญา แต่หากจะว่าจ้างในรอบใหม่ ต้องทำเรื่องเสนอข้อตกลงมายังกระทรวงการคลัง โดยให้ทำเรื่องเสนอมาก่อนหมดสัญญาว่าจ้างเพื่อการดำเนินงานต่อเนื่อง ยืนยันว่าระเบียบที่ออกมาไม่ได้มีปัญหาและส่งผลกระทบอะไรเลย แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นเพราะการสื่อสารที่ไม่ตรงกันมากกว่า โดยระเบียบที่ออกมาเป็นการจัดระเบียบเท่านั้น ซึ่งต่อไปรัฐบาลจะได้รู้ว่ามีการว่าจ้างพนักงานและลูกจ้างชั่วคราวของทุกหน่วยงานกี่คน ใช้เงินงบประมาณเท่าไร โดยเฉพาะของ สธ ไม่ได้รับผลกระทบจากระเบียบดังกล่าวเลย เพราะได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังมาตลอด และยังมีระเบียบการใช้เงินบำรุงซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณของตัวเองกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่งด้วย อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ ขณะที่ นพสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ กรรมการชมรมแพทย์ชนบท และผู้อำนวยการ รพจะนะ จสงขลา กล่าวภายหลังทราบผลการหารือกับกระทรวงการคลังว่า เข้าใจว่าจะไม่มีการปลดป้าย แต่อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละโรงพยาบาล แต่เท่าที่ฟังแล้วเป็นการชี้แจงที่แถ เพราะกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักควบคุมทั้งประเทศ แม้ สธจะบอกว่ามีระเบียบ แต่ในการจ้างงานต้องแจ้งกระทรวงการคลังอยู่ดี โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปีงบประมาณ ประเทศต้องเดินไปสู่การปฏิรูป ไม่ใช่การปฏิรวบอำนาจไว้ในมือตัวเอง ซึ่ง รมวการคลังและทีมงานควรรับผิดชอบด้วยการลาออก ทั้งนี้ เป้าหมายหลักของการขึ้นป้าย ไม่ใช่ต้องการให้ยกเลิกระเบียบเพียงอย่างเดียว เพราะปัญหามันอยู่ที่วิธีคิดที่จะไม่กระจายอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ชนบทรับไม่ได้ เพราะหลักการเช่นนี้ปล่อยไม่ได้ ไม่ควรอยู่ในระบบราชการ ดังนั้นการออกมาต่อสู้ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ให้ยกเลิกระเบียบ เดี๋ยวยกเลิกไปก็ต้องมีระเบียบใหม่ออกมาอีก เพราะปัญหามันอยู่ที่วิธีคิด...
สนาม: เจ้อเจียงออนไลน์
บทนำ: ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นจริง แต่ยังเป็นขาขึ้นที่ค่อนข้างกระจุกอยู่ในบางอุตสาหกรรม บางส่วนของเศรษฐกิจเท่านั้น ขณะที่เศรษฐกิจฐานรากแม้จะไม่ได้ถึงขั้นลำบาก แต่ก็ไม่ได้ใช้จ่ายคล่องมือเหมือนที่ควรจะเป็น ด้วยราคาสินค้าต่างๆ ที่ปรับขึ้น แม้การขึ้นของราคาสินค้าและบริการจะเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอก แต่ก็เป็นเรื่องที่วัดฝีมือของฝ่ายบริหารอยู่เหมือนกันว่าจะช่วยเหลือประชาชนระดับล่างที่ต้องใช้จ่ายในส่วนนี้ให้บรรเทาได้อย่างไร
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-04-11